Translate

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เราจะสร้างสรรค์ประเทศไทยให้เข้มแข็ง คนต้องเข้มแข็งก่อน

ค่านิยม 12 ข้อ :
เราจะสร้างสรรค์ประเทศไทยให้เข้มแข็ง คนต้องเข้มแข็งก่อน

ก่อนอื่นเรามาเกาะติดผลการประชุมอย่างเป็นทางการนัดแรกของซูเปอร์บอร์ดเมื่อวันพุธที่ผ่านมากันครับ คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้มีการเรียกประชุมอย่างเป็นทางการครั้งที่ 1/2557 ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นประธานพร้อมด้วยคณะกรรมการเข้าประชุมพร้อมเพรียง ผลการประชุมซูเปอร์บอร์ดสรุปไว้สั้นๆ ตามนี้เลยครับ

             1. ซูเปอร์บอร์ดกำหนดความชัดเจนของอำนาจหน้าที่ว่า จะสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหา กำหนดนโยบาย และวางระบบกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถพัฒนาและวางรากฐานรัฐวิสาหกิจให้สามารถบริการประชาชนและร่วมในการพัฒนาประเทศต่อไปได้     

             2. ซูเปอร์บอร์ดร่วมกับกฤษฎีกาพิจารณาทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัยและดูแลรัฐวิสาหกิจได้ครอบคลุมทั้งระบบ     

             3. ซูเปอร์บอร์ดจะกำหนดระบบการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ ให้มีความโปร่งใสนำเป็นสากล

             4. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 3 ชุดเพื่อดำเนินการในรายละเอียดและนำเสนอซูเปอร์บอร์ด
1) ด้านการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจรายแห่งในองค์รวม โดยเน้นหนักไปที่ 10 แห่งที่มีผลขาดทุนต่อเนื่องเรื้อรัง
2) ด้านการกำหนดยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ เพื่อให้แผนการบริหารสินทรัพย์ของชาติมีการบริหารร่วมกันอย่างบูรณาการ
3) ด้านพัฒนาระบบกำกับรัฐวิสาหกิจ รวมถึงแนวทางการสรรหาคณะกรรมการ ผู้บริหาร การจัดซื้อจัดจ้าง ธรรมาภิบาล การตรวจสอบ การเงินและการลงทุน รวมถึงการประเมินผลและการสร้างระบบแรงจูงใจ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพต่อไป
เรื่องถัดมาที่น่าจับตาคือการวางโครงสร้าง คสช.และว่าที่รัฐบาลที่ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนมากขึ้นแล้วว่า โครงสร้างการบริหารประเทศในประมาณปีกว่าเกือบสองปีหลังจากนี้ จะมีรัฐบาลบริหารงานราชการแผ่นดิน คู่ขนานร่วมมือไปกับ คสช.ที่จะเน้นไปที่การดูแลความมั่นคงและสร้างความปรองดองเป็นหลัก แต่คสช.ก็ย้ำว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถถ่วงดุลกันและกันได้ โดยคสช.และรัฐบาลให้คำปรึกษาแก่กันและกัน คสช.ร่วมประชุมครม.ได้ตามวาระจำเป็น และคสช.ชงข้อเสนอให้ครม.พิจารณาได้
ในเรื่องการบริหารงานคู่ขนานนี้ หากฝ่ายบริหาร หรือรัฐบาลจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างคล่องตัว คล่องแคล่ว โดยมีความสงบสุขไม่ต้องกังวลในเรื่องปัญหาความมั่นคง ฝ่ายบริหารก็จะติดปีกพัฒนาประเทศได้ ตัวอย่างสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ปี 2553 ถึงแม้ว่าในปีนั้นจะมีวิกฤติการเมืองรุนแรงใจกลางเมืองหลวง กระทบต่อผลทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวมากมายมหาศาล เป็นเวลากว่าครึ่งปีแรกของรัฐบาลตอนนั้น ปลายปียังสามารถพลิกวิกฤติกลับมาจนเศรษฐกิจ โต 7.8% และอัตราการขยายตัวการส่งออก 28.5% นอกจากนี้ยังมีแผนกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลับมาช่วงครึ่งปีหลังอีกจนไทยสามารถฟื้นคืนชีพจากวิกฤติการเงินแฮมเบอร์เกอร์ที่ส่งผลกระทบมาจากสหรัฐฯ ได้เร็วเป็นอันดับที่ 2 รองจากไต้หวัน แต่หากไม่มีเรื่องทางการเมืองเลย ทางเราไม่อยากจะคิดเลยครับว่า จะเป็นการวางรากฐานพัฒนาเศรษฐกิจไทยได้อีกแค่ไหน
กรณีตัวอย่างดังกล่าวนี้สะท้อนได้ว่า หากคสช.จัดการเรื่องความมั่นคงของรัฐอยู่หมัดเหมือนตอนนี้ แล้วมีฝ่ายบริหารที่ "มืออาชีพ" ในทุกกระทรวง ถูกฝาถูกตัว ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นคนที่เชื่อถือได้ สร้างความมั่นใจให้ประเทศอย่างแท้จริงแล้ว ปี 25572559 ก็จะกลายเป็นปีทองของไทย
นอกจากนี้สิ่งหนึ่งที่ต้องขอชื่นชมจากใจจริงถึงท่านพลเอกประยุทธ์ หรือลุงตู่ของแม่ยกแฟนรายการคืนความสุขให้คนไทย ทุกคืนวันศุกร์ ต่อการตั้งค่านิยม 12 ข้อ และรณรงค์เอาไว้ว่า ...อยากจะเรียนว่าเราน่าจะกำหนดค่านิยมหลักของคนไทยขึ้นมาให้ชัดเจนขึ้น ทั้งนี้เพื่อเราจะสร้างสรรค์ประเทศไทยให้เข้มแข็ง ฉะนั้นคนต้องเข้มแข็งก่อน คนในชาติจะต้องเป็นอย่างไร ดังนี้
1.มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติในปัจจุบัน ทุกชาติจะพัฒนาได้หากเสาหลักหรือสถาบันหลักของชาติเข้มแข็งด้วยความรักอย่างถูกวิธีของคนในชาติ สมัยจอมพล ป.สถาบันชาติเข้มแข็งมาก แต่อาจจะไม่สมดุลในสถาบันอื่นๆ ส่วนสมัยจอมพลสฤษดิ์ สถาบันพระมหากษัตริย์เข้มแข็งมาก ในสมัยพลเอกประยุทธ์ เราหวังอย่างยิ่งที่จะเห็น 3 สถาบันหลักของชาติมีความเข้มแข็งอย่างสมดุลดีงาม ชาติบ้านเมืองสงบคนรักในความเป็นไทยและชาติของเรา พร้อมไปกับยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนของศาสนาขัดเกลาใจคนมีคุณธรรม และยึดมั่นในการเคารพรักพร้อมทั้งเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้อยู่เหนือสิ่งใด
2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม  เรื่องนี้สรุปได้สั้นๆว่า คนไทยต้องมีค่านิยมจิตสาธารณะ ซื่อสัตย์ไม่คดโกงไม่เอาเปรียบคนอื่น เสียสละเพื่อส่วนรวมไม่เห็นแก่ตัว อดทน และมีอุดมการณ์ต่อส่วนรวม จิตสำนึกนี้ใครเห็นใครก็ชม ตัวอย่างนี้ญี่ปุ่นคือตัวอย่างที่ดี
3. กตัญญู ต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ ข้อนี้มั่นใจว่าเป็นคุณลักษณะเด่นของคนไทยทุกยุคสมัยอยู่แล้ว
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษา เล่าเรียน ทางตรงและทางอ้อม  ประเทศชาติจะพัฒนาได้บุคลากรของคนในชาติต้องมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นทางวิชาการและทางทักษะความสามารถ คนในชาติมีปัญญามีความรู้ คนในชาติอีกส่วนก็สนับสนุนในภูมิปัญญาความรู้ของคนไทยด้วยกัน เพื่อสร้างค่านิยมใฝ่รู้ใฝ่เรียน เชิดชูคนมีปัญหาให้มากกว่าคนมีทรัพย์สินเงินตรา
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม  ข้อนี้ขอเถอะครับ อยากให้มันเด่นชัดออกมามากๆ จริงๆ เรามีวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามมากมายทัดเทียมระดับโลก เพราะบูรพกษัตริย์ของไทยแต่โบราณรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ เรื่องนี้สอดคล้องกับสถาบันหลักของชาติทั้งหมด ตอนดูภาพยนตร์เรื่อง Grace of Monaco ตะวันตกเขาร้องโอเปร่ากันจนโด่งดังข้ามความนิยมมาถึงเอเชีย ส่วนการแสดงของไทยเราอย่างโขน ปี่พาทย์ ก็อลังการชนะเลิศไปกว่ามากทีเดียว นอกจากนี้ประเทศของเราน่าจะมีหน่วยงานที่ดูแล National Treasure ทุกรูปแบบทั้งสถานที่ทั้งที่สร้างเองและธรรมชาติ สิ่งของที่ประดิษฐ์อย่างประณีตโดยคนในชาติเรา บุคคลสำคัญ รวมไปถึงหนังสือและองค์ความรู้ ภูมิปัญญาชาติไทยเรา มารักษา ทำนุบำรุง สร้างสรรค์ขึ้นมาให้เป็นงานลักษณะพัฒนาอย่างจริงจัง แล้วสร้างจุดขายเชิงรุกให้ประเทศ
6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน
7. เข้าใจ เรียนรู้ การเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง  ย้ำว่า "ที่ถูกต้อง" นะครับ
8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่  คนไทยต้องซึมซาบจากการเข้าแถว เคารพในการมีระเบียบวินัย จะสร้างการเรียนรู้ไปถึงการเคารพบุคคลอื่น จากนั้นเราก็จะหนักแน่นในการเคารพกฎหมาย
9. มีสติ รู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่าย จำหน่าย และขยายกิจการ เมื่อมีความพร้อม โดยมีภูมิคุ้มกันที่ดี
เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้เป็นการขัดแย้งกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างที่ฝ่ายไม่หวังดีจงใจโจมตี แต่เป็นการพยุงการเติบโตเศรษฐกิจในแต่ละการพัฒนาให้มีการเติบโตที่เป็นไปอย่างยั่งยืน ไม่ใช่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่หวือหวา แจกรถ ปลดหนี้ ให้บ้าน แบบที่รัฐบาลที่แล้วเพาะเชื้อเอาไว้11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอาย เกรงกลัวต่อบาป ตามหลักของศาสนา ย้ำตรง "ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอาย เกรงกลัวต่อบาป" ตัวอย่างผ่านไปหมาดๆ กรณีผู้ว่าการรถไฟคนที่แล้ว
12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และต่อชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

ทั้งหมดนี้คือค่านิยมหลักของคนในชาติที่น่านำไปแต่งเป็นเพลงเหมือนเพลงวันเด็กที่เราท่องจำจนขึ้นใจ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็ทำให้เด็กในยุคสมัยหนึ่งโตขึ้นมาด้วยการหล่อหลอมแบบนั้น เรื่องแบบนี้ ย้ำกันไปไม่เสียหายครับ หากคนไทยยึดมั่นตามค่านิยมชาติที่เน้นทั้งเรื่องการพัฒนาตัวเองทั้งในด้านความสามารถ ทั้งคุณธรรม ศีลธรรม เพื่อร่วมมือกันทำให้ชาติบ้านเมืองและส่วนรวมดีขึ้น เหล่านี้ล้วนดีทั้งนั้น เหล่านี้ล้วนยิ่งต้องเผยแพร่ให้ขึ้นใจ ให้ฝังใจ วันใดคนไทยเข้มแข็ง ชาติเราก็จะเข้มแข็ง

ขอบคุณข้อมูลจาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น